เรียนคณะครูอาจารย์ และท่านผู้ปกครองที่เคารพทุกท่าน

ผมเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้สิ่งที่ผมคิดอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูก

ถ้าหากไม่ถูกใจท่านผู้ปกครองท่านใด ทางผมต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ ผมขอรับรองว่าผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางโรงเรียนแน่นอน

เนื่องจากการศึกษา การจัดการเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียนนั้นมีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันแต่ต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาศึกษากำหนดใช้ไหมครับ

เริ่มแรกการที่ ผมขออนุญาตใช้คำว่า (เราแทนผผู้ปกครองนะครับ)เราจะหาโรงเรียนให้ลูกเรียนนั้นเราดูอะไรบ้าง

บางคนเลือกเพราะอยู่ใกล้บ้าน บางคนสอบเข้าที่อื่นไม่ได้ บางคนมองว่าค่าใช่จ่ายอยู่ในจุดที่สามารให้กับลูกได้เมื่อเทียบกับโรงเรียนบางโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายรวมกันแล้วสูงพอสมควรถ้าเรา ดูข้อมูลต่างๆในการเลือกที่เรียนจริงเรา จะเห็นความจริงมันคืออะไรครับ

การที่เราเลือกที่เรียนให้ลูกได้แล้วนั้น หมายความว่าเราได้คิดวิเคราะห์แล้วว่าที่นี่คือที่ ที่ใช่และเราเลือกแล้วว่าเป็นที่เรียนของลูกเรา(ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม)

สอง ผมอยากให้เรามองโรงเรียนนั้นเหมือนบ้านของเราทุกคน เพราะว่าลูกของเราทุกคนก็อยู่ในนั้น ถ้าบ้านไม่ดีเราก็ช่วยกันดูแลแก้ไข ผมมองว่าทาง ท่านอาจารย์ทุกท่านยินดีรับฟังความคิดเห็นของเราทุกคนครับ รองช่วยกันดูคงไม่มีใครอยากให้บ้านเราดูไม่ดีในสายตาคนอื่นแน่นอน  ถ้าไม่ดีผมเห็นรีบแก้ไขทันทีจริงไหมครับ

สาม ผมอยากให้เรามองอีกอย่างว่าการเลี้ยงลูกนั้นพอดีผมได้ฟังบรรยายมาครับ  ผมจำได้ไม่หมดครับอาจผิดพลาดบ้าง

1 .เด็กแต่ละคนนั้นมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน

-บางคนเรียนรู้ได้เร็ว

-บางคนเรียนรู้ได้ช้า

-บางคนรักเรียน

-บางคนรักที่จะเล่นกีฬา

-บางคนชอบร้องเพลง เต้น

2.พื้นฐานทางบ้านแตกต่างกัน(ผมไม่ได้แบ่งแยกนะครับ)

-บางคนมีเวลาอยู่กับลูกเนื่องจากทำงานเป็นเวลา

-บางคนพ่อแม่อาจไม่ได้ทำงานเลยมีเวลาดูแลเต็มที่

-บางคนทำงานโรงงาน ทำงานเป็นกะ ต้องฝากให้อยู่กับคนอื่น

3.สภาพแวดล้อมที่แตกต่าง

-บางคนอยู่กับพ่อกับเแม่

-บางคนอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย อา ป้า น้า พี่

-บางคนอยู่กับแคล้มก่อสร้าง

แต่เหนือส่งอื่นใดอย่าให้เป็นความรับผิดชอบของที่ใดที่หนึ่งครับ

ทางโรงเรียนทำหน้าที่จัดการเรียนการสอนให้กับลูกเราทุกคนแต่จะได้มาก น้อยก็อยู่ที่ตัวเด็กแล้วละครับ

จริงๆแล้วพ่อแม่มี่ส่วนสำครัยครับ  ถ้าเราไม่สอน ไม่ฝึก ไม่แนะนำแนวทางให้กับเขาเป็นไปได้ยากมากครับ

เพราะเด็กก็เหมือนผ้าสีขาว ที่เป็นหน้าที่ของเรากับทางโรงเรียนช่วยกันใส่สีลงไปให้ออกมาส่วยงานครับ

เราอย่าเอาลูกของเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นครับ จากเหตุผลข้างบนครับ เราพัฒนาเขาจากตัวเขาถ้าเขารับได้แค่ไหนเราก็ให้แค่นั้น ในเรื่องเดียวกันลูกเราอาจต้องบอกต้องสอนถึง 3,4,5,6 ครั้งเขาถึงจะเข้าใจครับ บางคนครั้งเดียวเข้าใจเลยแต่ไม่ได้ให้เลิกสอนนะครับ พอเขาเข้าใจแล้วเราก็เพิ่ม และเดินหน้าต่อ เราก็ต้องเรียนกับลูกด้วยเหมือนกันเราต้องรู้ก่อนลูกว่าเรียนอะไรบ้าง ที่โรงเรียนมีบอกครับเพื่อจะได้แนะนำและสอนเขาไปพร้อมกับโรงเรียนครับ

ยาวแล้วครับผมขอทิ้งท้ายแล้วกันครับ

-อย่านำลูกเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นว่าดีกว่าให้ลูกได้ยิน เขาจะมองว่าเพราะเพื่อนทำให้เขาโดนด่า

-อย่าโทษลูว่าทำไม ไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือไม่ได้ 

-อย่าโทษโรงเรียนทั้งหมด ว่าสอนอย่างไง เด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย สู้ โรงเรียนนั้นไม่ได้ บ้าง

ผมอยากให้เราดูตัวเราก่อนว่าเราทำหน้าที่ พ่อแม่ที่ดีแล้วหรือยังครับ

การที่เด็กจะเก่ง จะดีมันต้องมาจาก การร่วมมือของที่บ้านและโรงเรียนครับ ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของใคร

เด็กเก่งเด็กดี เป็นผลงานของใคร

เด็กเกเร เด็กไม่รู้เรื่อง เป็นผลงานของใคร

ดั่งคำว่า

พ่อแม่ดี  โรงเรียนดี, ครูดี  เด็กดีแน่

พ่อแม่ดี  โรงเรียนดี,ครูดี  เด็กแย่  พอแก่้ไข

พ่อแม่ดี  โรงเรียน,ครูไม่ดี พอมีทางไป (ก็ย้ายโรงเรียนใหม่ครับ)

พ่อแม่ไม่ดีและแย่  แก่ที่ใคร  ไม่ได้เลย

ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับให้เวลากับลูกๆๆ บ้างครับเมื่อเวลาผ่านไปเราอาจจะเสียดายกับสิ่งที่ผ่านมาครับ

หากมีคำที่ไม่ถูกต้อง และเหมาะสมต้องขอโทษด้วยครับ